ออริจิ้นปั้นบริทาเนีย โกยความมั่งคั่งครั้งใหม่ 

09 ธ.ค. 2564 193 0

ดาริน โชสูงเนิน

          กรุงเทพธุรกิจ

          บริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI  ของ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน28.28% (ตัวเลข ณ 23 พ.ย.2564) ถือเป็นหนึ่งใน ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม! ที่ประสบความสำเร็จหลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 2558 ปัจจุบัน ORI มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 25,755.06 ล้านบาท

          ล่าสุด ผู้ก่อตั้ง ORIเดินหน้าสร้าง “ความมั่งคั่ง“ครั้งใหม่! ด้วยการผลักดันบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบในฐานะบริษัท ในเครือ ORIถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 70.37% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (SET) ด้วยการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 252,650,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10.50 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) 21 ธ.ค. 2564 นี้ โดยบริษัทจะได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้กว่า 2,652,825,000 บาท

          “ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI   ถือว่าเป็น “เรือธง” ของกลุ่ม ORI โดยปัจจุบันมีโครงการครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ปริมณฑล และต่างจังหวัด ซึ่งอนาคต วางเป้าหมายสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

          สะท้อนผ่าน แผนธุรกิจ 3-5 ปีข้างหน้า (2564-2568) บริษัทจะรักษาระดับการเติบโตรายได้เติบโตปีละไม่น้อยกว่า 30-40% ซึ่งเงินระดมทุนไปใช้ขยายการพัฒนาโครงการใหม่ ชำระคืนเงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยเฉพาะกลยุทธ์การลงทุน มุ่งเน้นการขยายโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่ กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ มากยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้าน ที่อยู่อาศัย รวมทั้งการนำบริษัทก้าวเป็น “ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ“ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการอยู่อาศัยและ ยกระดับการใช้ชีวิต

          อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ได้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง  เช่น สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา ตลอดจนมุ่งเน้น การพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ที่มีศักยภาพ เน้นทำเลใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรมและจังหวัดที่ได้รับประโยชน์จาก “โครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” (ECC)

          ในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายเปิดตัว โครงการใหม่ 10 โครงการ รวมมูลค่า 10,800 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และขยายในพื้นที่ภาคตะวันออกและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสร้างการเติบโต อย่างต่อเนื่องและตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยจากการขยายตัวของเมือง

          ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 6 โครงการ ที่กำหนดเปิดขาย ในช่วงไตรมาส4 ปี 2564 รวมมูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่กังวล การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน  เพราะตลอดช่วง2 ปีที่ผ่านมามีการ แพร่ระบาดโควิด-19 บริษัทได้รับผลกระทบ เชิงบวก ช่วงที่ล็อกดาวน์ยอดขายบ้าน ของบริษัทเติบโตดีมาก กลับมองเป็นโอกาสของแนวราบมากกว่า ซึ่งถ้าโอมิครอนรุนแรงก็เป็นโอกาสอีกครั้งของ BRI เพราะโครงการแนวราบตอบโจทย์ได้ดี

          สะท้อนผ่านผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 ทำ"สถิติสูงสุด“ทั้งในด้านรายได้รวม และกำไรสุทธิ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 164.59 ล้านบาท และรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,045.98 ล้านบาท ขณะที่ งวด 9 เดือนแรกปี 2564 สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงที่ผ่านมา

          โดยมีรายได้รวม 2,808.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ452.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก การเปิดโครงการใหม่และโครงการ ในปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ

          ท้ายสุด “ศุภลักษณ์” บอกไว้ว่า เรายังมีจุดเด่นในการพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปจากการศึกษาความต้องการ และปัญหาต่างๆ (Customer Pain Point) ของผู้บริโภค

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย